วิธีใช้ SnapShow MS-042L/BYOM-09L ให้เต็มประสิทธิภาพ

ในการใช้งานอุปกรณ์ SnapShow MS-042L / BYOM-09L เพื่อส่งภาพแบบไร้สายผ่านเครือข่าย Wi-Fi หากพบอาการเชื่อมต่อไม่เสถียร ภาพหน่วง หรือภาพค้าง สาเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากตัวอุปกรณ์ แต่เกิดจาก สภาพแวดล้อมสัญญาณ Wi-Fi ที่มีการรบกวนสูง หรือมีหลายอุปกรณ์ใช้งานช่องสัญญาณเดียวกันพร้อมกัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลง

ปัญหาลักษณะนี้สามารถพบได้กับทุกยี่ห้อ/ทุกอุปกรณ์ที่อาศัยการส่งสัญญาณไร้สาย ไม่ได้เป็นข้อบกพร่องของ SnapShow เอง ดังนั้นการปรับเปลี่ยน Wi-Fi Channel ให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อม จะช่วยให้การเชื่อมต่อกลับมามีความเสถียรและลื่นไหลได้

การเปลี่ยน WiFi Channel สำหรับ BYOM-09L

  1. เชื่อมต่อ WiFi เข้ากับ BYOM-09L
  2. เปิด Browser เข้า 192.168.118.1
  3. Login: admin / Password: admin
  4. กด Auto optimization รอรีบูต ระบบจะเลือก Wi-Fi Channel ให้อัตโนมัติ
Auto optimization บน BYOM-09L

หากยังไม่ดีขึ้น? ลองเลือก Wi-Fi Channel เอง (ดูวิธีตรวจเช็คด้านล่าง)

การเปลี่ยน WiFi Channel สำหรับ MS-042/ML-042L

  1. เชื่อมต่อ WiFi เข้ากับ MS-042/MS-042L
  2. เปิด Browser เข้า 192.168.118.1
  3. Login: admin / Password: admin
  4. ถ้า Channel อยู่ช่วง 36/40/44/48 ให้ลอง 149/153/157/161/165 แล้วกด Save (เครื่องจะรีบูต)
ตั้งค่า Wi-Fi Channel บน MS-042

วิธีตรวจเช็ค WiFi Channel (WiFi Analyzer) เพื่อหา Channel ที่ว่างอยู่ หรือ มีการทับซ้อนของ WiFi น้อยที่สุด

  1. ติดตั้งแอป WiFi Analyzer บน Android
  2. เข้าเมนู Channel Graph เลือกย่านความถี่ที่ต้องการตรวจสอบ
ไอคอนแอป WiFi Analyzerตัวอย่าง Channel Graph

หากช่วง 36–48 หนาแน่น ให้ลองช่วง 149–165

รายละเอียดทางเทคนิคเพิ่มเติม (5 GHz)

โดยปกติแล้ว ย่านความถี่ 5 GHz จะถูกแบ่งออกเป็น “บล็อก” เพื่อใช้งาน Wi-Fi ตามข้อกำหนดของ FCC/ETSI ดังนี้

1) UNII-1 (5.150 – 5.250 GHz)

  • ช่อง (Channels): 36, 40, 44, 48
  • ข้อดี:
    • รองรับได้แทบทุกอุปกรณ์ (มือถือ/แล็ปท็อป/IoT)
    • ไม่มี DFS (ไม่ต้องตรวจจับเรดาร์) → สัญญาณไม่หายกลางคัน
  • ข้อจำกัด:
    • กำลังส่ง (EIRP) จำกัด (ไทย: ~200 mW) → ระยะสั้น เหมาะกับ ภายในห้อง/สำนักงาน
  • การใช้งานที่แนะนำ: Wi-Fi ภายในบ้าน, AP ในออฟฟิศ

2) UNII-2 / UNII-2e (5.250 – 5.725 GHz) SnapShow ไม่รองรับ

  • ช่อง (Channels):
    • UNII-2: 52, 56, 60, 64
    • UNII-2e: 100–144
  • ข้อดี:
    • มีช่องกว้างและเยอะ เหมาะกับ 80 MHz/160 MHz channel bonding (Wi-Fi 5/6)
    • interference น้อยกว่า UNII-1
  • ข้อจำกัด:
    • ต้องเปิด DFS (Dynamic Frequency Selection) → ตรวจจับเรดาร์; หากพบเรดาร์ AP ต้องเปลี่ยนช่องอัตโนมัติ
    • บางอุปกรณ์ราคาประหยัด ไม่รองรับ UNII-2/2e
  • การใช้งานที่แนะนำ: Office/Enterprise AP, Mesh Wi-Fi

3) UNII-3 (5.725 – 5.850 GHz)

  • ช่อง (Channels): 149, 153, 157, 161, 165
  • ข้อดี:
    • กำลังส่งสูงกว่า (ไทย ~1 W) → ระยะครอบคลุมไกลกว่า
    • interference น้อย (มีผู้ใช้น้อยกว่า UNII-1)
  • ข้อจำกัด:
    • อุปกรณ์บางรุ่น (มือถือ entry-level ราคาประหยัด, IoT) อาจไม่รองรับ
  • การใช้งานที่แนะนำ: AP ภายนอกอาคาร, พื้นที่กว้าง, จุดที่ต้องการสัญญาณแรง